แพสชันที่ขับเคลื่อนด้วย ‘ทีม’ ของแชมป์ Brewers Cup 2024 ‘วศิน ชลานุชพงศ์’ จาก NANA Coffee Roasters


คุยกับผู้ชนะจากการแข่งขัน Thailand National Brewers Cup Championship 2024 ตัวแทนประเทศไทยที่ต้องไปแข่งเป็นที่หนึ่งของโลกที่เวทีใหญ่ World Brewers Cup ปีหน้าที่ชิคาโก!

ในวงการกาแฟตอนนี้ ‘วศิน ชลานุชพงศ์’ ชายที่สวมผ้ากันเปื้อนตรงหน้าเราคนนี้ เขามีหมวกที่ต้องสวมอยู่ 2 ใบด้วยกัน

ใบแรกคือการเป็นหนึ่งในผู้บริหารของ NANA Coffee Roasters ร้านกาแฟสเปเชียลตี้ที่ไม่ว่าใครต่อใครก็คุ้นชื่อ งานหลักๆ ของเขาคือการดูแล Online Marketing และ Branding รวมไปถึงการเป็นหัวเรือใหญ่ของร้านแบรนด์ลูกอย่าง Harudot

ใบที่สองที่เพิ่งได้สวมเมื่อไม่กี่เดือนก่อน นั่นคือแชมเปี้ยนจากเวทีแข่งขัน Thailand National Brewers Cup Championship 2024 

และอย่างที่หลายคนรู้ว่า เกมสำหรับผู้ชนะยังไม่จบ! เพราะเดือนเมษายน 2024 เจ้าตัวจะต้องเป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปแข่งขัน World Brewers Cup Championship 2024 ในเดือนเมษายน 2024 ที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา วัดความทุ่มเทและความสามารถกับแชมป์บาริสต้าจากทั่วมุมโลกอีกหนึ่งยก

สำหรับแชมป์ประเทศไทยคนนี้ เส้นทางกาแฟจากวันแรกจนถึงวันนี้มีหน้าตาแบบไหน แล้วแพสชันในการแข่งขันของเขาคืออะไร ไปฟังคำตอบจากเจ้าตัวในบทสนทนาด้านล่างนี้กัน

Q: คุณเริ่มสนใจกาแฟตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่คุณพ่อ (วรงค์ ชลานุชพงศ์) ก่อตั้ง NANA Coffee Roasters เลยไหม

A: ยังเลยครับ NANA Coffee Roasters ก่อตั้งตอนปี 2015 ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ ซึ่งคุณพ่อเขาอยากให้ผมเรียนอย่างเดียว ไม่ได้สนใจกาแฟเลย จนมาช่วงที่ผมทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ช่วงนั้นผมกินกาแฟกระป๋องอยู่เลยนะ จนวันที่ทีมบินมาแข่ง World Siphonist Championship 2018 ที่ญี่ปุ่น (ปีที่แนท-กษมา กันบุญ จาก NANA Coffee Roasters คว้าแชมป์โลก WSC2018 เป็นคนแรกของไทย) ก็ได้ลองสัมผัสบรรยากาศการแข่งครั้งแรกจากที่นั่นก่อน 

พอช่วงโควิด-19 คุณพ่อก็ถามว่าอยากมาช่วยทำไหม เพราะ NANA ต้องการคนมาดูแลเรื่อง Online Marketing พอญี่ปุ่นล็อกดาวน์ ทำอะไรไม่ได้เลย ก็เลยตัดสินใจกลับไทย พอได้มาช่วยทำก็เหมือนค่อยๆ สัมผัสกาแฟมาเรื่อยๆ สำหรับผมโลกกาแฟเป็นสิ่งที่ใหม่มากๆ

Q: ก่อนกลับมาช่วยคุณพ่อดูแลธุรกิจ คุณเคยแข่ง Thailand National Brewers Cup Championship ปี 2017 ด้วย ทำไมถึงตัดสินใจลงแข่งทั้งๆ ที่ไม่ได้อินกับกาแฟ

A: จริงๆ ตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย แค่ลองแข่งดูเพื่อหาประสบการณ์ การซ้อมตอนนั้นเป็นการซ้อมตามที่ทีมเขากำหนดให้ เหมือนหุ่นยนต์เลยครับ พอมันเป็นการแข่งที่เราไม่ได้เตรียมด้วยตัวเอง ผลลัพธ์มันก็เลยไม่ได้ตามที่เราอยากได้

Q: แล้วอะไรทำให้คนที่เคยเป็นหุ่นยนต์ อยากลงลึกกับกาแฟและการแข่งมากขึ้น

A: คิดว่าเป็นแพสชันของทีมครับ ได้อยู่กับคนที่มีแพสชันเรื่องกาแฟมากๆ แล้วค่อนข้างมีความอาร์ต มีความคราฟต์แมนชิพ ทำให้ผมอยากขยับไปหาข้อมูลด้วยตัวเอง พัฒนาตัวเอง แล้วก็มีโอกาสบินไปต่างประเทศเยอะ มีโอกาสได้เจอแชมป์โลกจากแต่ละประเทศ การได้สัมผัสแพสชันของคนในวงการกาแฟ ยิ่งทำให้รู้ว่าวงการนี้ หลายสิ่งหลายอย่างยังไม่ลงตัวและใหม่มาก เป็นอะไรที่สนุกและน่าตื่นเต้นดี แล้วก็รู้สึกสนุกที่ได้อยู่กับทีมด้วย

Q: การแข่ง Thailand National Brewers Cup Championship 2024 คุณเตรียมตัวยังไง

A: ผมใช้เวลาซ้อมประมาณ 3-4 เดือน จริงๆ ต้องขอบคุณทีมเลยครับ ทั้งทีมประเทศไทยและทีมเมืองนอกด้วย อย่างคุณ Tetsu Kasuya (แชมป์ World Brewers Cup 2016) เขามาเป็นเกสต์บาริสต้าที่ร้านแล้วก็มาช่วยเทรนนิ่ง รวมถึงคุณ Shaun Liew (Malaysia Brewers Cup Champion 2017 & 2019) ที่มาช่วยผมในตอนวันแข่งด้วย หรือตอนไปออสเตรเลีย ก็ได้เจอบาริสต้าที่น่ารักมากๆ มาช่วยแชร์ความรู้ แก้วที่ผมใช้แข่งก็ได้เพื่อนที่เมลเบิร์นช่วยแนะนำ อย่างตอนที่ผมไปงานแข่ง World Brewers Cup Championship 2023 ที่กรีซ ผมมีโอกาสได้ไปช่วยหลังบ้านของทีมต่างประเทศ ได้ลองชิมกาแฟทั้งตัวที่เข้ารอบและไม่เข้ารอบ ก็ได้อะไรกลับมาค่อนข้างเยอะ  

Q: มีเรื่องไหนที่รู้สึกว่าเราต้องใช้ความพยายามกับมันมากๆ เลย

A: ผมคิดว่าเป็นเรื่องของความเคยชิน เพราะเวลาขึ้นสเตจผมค่อนข้างตื่นเต้น แม้ว่าวันนั้นเราจะรู้สึกเบลอๆ เราก็ต้องพูด ต้องเพอร์ฟอร์มออกมาให้ได้ เพราะว่าเรามีทีมงานที่ดูแลด้านอื่นๆ ที่เรามองไม่เห็นคอยเอาใจช่วยเราอยู่ แต่ที่ยากสุดเลยคือการคอนโทรลกาแฟ ว่าวันเทสต์กับวันแข่งจริง คุณภาพมันจะออกมาเหมือนกันหรือเปล่า

Q: ย้อนกลับไปก่อนวันที่จะได้แชมป์ เป้าหมายในการแข่งของคุณคืออะไร 

A: ผมคาดหวังไปเวทีระดับโลกอยู่แล้วครับ เพราะมีคนซัพพอร์ตผมมากขนาดนี้ เราทำให้เขาผิดหวังไม่ได้ การได้แชมป์มันไม่ง่ายเลยครับ แต่เพราะมีคนมากมายรวมไปถึงฟาร์มเมอร์ซัพพอร์ตเราตลอดทาง ผมต้องเพอร์ฟอร์มเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ตลอดระหว่างซ้อมและในวันแข่ง

Q: คิดว่าอะไรเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับการแข่งเวทีนี้

A: ผมว่ามันคือความกล้าที่จะลองทำดูครับ มันพูดยากเหมือนกันนะว่าการแข่งเวทีนี้เราควรจะเน้นอะไร เพราะความจริงเราต้องเน้นทุกอย่างเลย แต่เราจะไม่รู้เลยว่าเราควรจะเริ่มต้นจากตรงไหน ถ้าเกิดเราไม่เริ่มลองทำดูก่อน อย่างพี่กุ้ง (กานดา โทจำปา หนึ่งในผู้ก่อตั้ง NANA Coffee Roasters) แข่งเวที National Barista Championship มา 7 ปีกว่าจะได้แชมป์ ใน 7 ปีนั้นเป็นเวลาที่เขาเรียนรู้หลายๆ อย่างเกี่ยวกับการแข่งขันจนมาเป็นโค้ช ตอนที่ผมเตรียมตัวแข่งเลยไม่ต้องใช้เวลานานเท่า ต้องขอบคุณพี่กุ้งและทีมงานที่เขาเริ่มต้นมาก่อน

Q: เล่าถึงเมล็ดกาแฟตัวที่คุณเลือกมาแข่งให้ฟังหน่อย

A: เป็นกาแฟของ Mikava ครับ เราเทสต์กาแฟหลายตัวแล้วรู้สึกว่ากาแฟตัวนี้เป็นกาแฟที่เราอยากพรีเซนต์ แล้วผมก็ได้ไปเจอกับคุณ Paul Doyle ผู้ก่อตั้ง Mikava ที่กรีซด้วย เขาช่วยเราเยอะมากๆ ตั้งแต่การแชร์ Roasting Profile ผมแชร์ไปว่าอยากเบลนด์กาแฟ Geisha กับ Bourbon เขาก็แชร์กลับมาว่านักแข่งคนอื่นเคยคั่วแบบนี้ ผลลัพธ์เป็นยังไง ก็เอาข้อมูลจากเขามา adapt ผมรู้สึกว่ามันเป็นการทำงานร่วมกัน และเขายินดีช่วยเรามากๆ เพราะเขาอยากซัพพอร์ตคนที่มีแพสชันกับกาแฟ ใครไปแข่งก็ช่วยเต็มที่

 

 Q: พอสวมหมวกผู้บริหาร คุณคิดว่าการแข่งขันสามารถเอามาใช้กับงานพาร์ตนี้ได้ยังไงบ้าง

A: การที่เราไปแข่งมันเลเวลอัพความรู้ขององค์กรเรา อย่างตอนนี้จะเห็นได้ว่าเราส่งบาริสต้าไปเก็บประสบการณ์ทั้งจากเวที AeroPress, Siphon, และ Brewers Cup ผมคิดว่าสิ่งที่เซ็ตเทรนด์กาแฟก็คือการแข่งขัน เราเลยต้องไปอยู่ในวงการการแข่งขันก่อน จะได้ส่งต่อได้ทั้งกับบาริสต้าแล้วก็ลูกค้าเราด้วย รวมถึงอยากซัพพอร์ตเกษตรกรกาแฟที่อยากเชียร์ด้วยครับ

มากไปกว่านั้น ผมอยากเป็นคนที่ได้โปรโมตวงการกาแฟไทย ถ้าเกิดเราไม่ได้อยู่ในฐานะแชมป์ เวลาพูดอะไรเสียงเราอาจจะไม่ได้ดังเท่า เวลาที่เราได้ไปช่วยหลังบ้านของทีมต่างประเทศ ก็อยากเป็นคนที่ได้ไปพูดให้คนอื่นๆ ได้รู้ว่าประเทศเราเป็นแหล่งปลูกกาแฟนะ ถึงแม้ว่าตอนนี้กาแฟไทยอาจจะยังไม่ได้ถูกนำไปใช้ในการแข่งขันในเวที Brewers Cup ก็ตาม

 Q: ถ้าเราอยากพรีเซนต์กาแฟไทย เราเอากาแฟไทยไปแข่งเวทีโลกเลยไม่ได้เหรอ

A: ต้องบอกก่อนว่ากาแฟของคนที่ชนะ Brewers Cup ไม่ได้เป็นกาแฟที่ดีที่สุดในโลก แต่เป็นกาแฟที่อยู่ในโครงสร้างที่เวทีกำหนดไว้ คือตอนนี้กาแฟต่างประเทศเหมาะสมกับการแข่งขันมากกว่า กาแฟไทยยังไม่ได้อยู่ในกรอบนั้น แต่ผมคิดว่ามันเป็นไปได้ในอนาคตนะ เพราะเราเป็นประเทศที่ปลูกกาแฟและยังทำกันได้ไม่นานมาก ต้องใช้เวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อน

 

Q: สำหรับการแข่ง World Brewers Cup ปีหน้าที่ชิคาโกล่ะ ตอนนี้คุณเตรียมตัวยังไงบ้าง

A: ก็เริ่มคิดคอนเซปต์ใหม่ เราเป็นตัวแทนระดับประเทศลำดับต้นๆ ที่ได้เข้าไปแข่งรอบเวิล์ด แปลว่าเรามีเวลามากกว่าเพื่อนๆ ผมเลยอยากพัฒนาคอนเซปต์ใหม่ สำหรับการพรีเซนต์ในเวทีโลก ก็ตั้งใจครับว่าอยากจะคว้าลำดับที่ 1-6 ของ World Brewers Cup มาให้ได้

Q: นอกจากทุ่มเทกับการแข่งขัน คุณมีอะไรที่อยากทำเพิ่มอีกบ้าง

A: ก็อยากจะไปออกบูธ เพิ่มเพื่อนที่ต่างประเทศ และอยากจัดงานแข่งของตัวเองในองค์กรก่อน ถ้าไปได้ดี ก็อยากเปิดให้คนภายนอกเข้ามาแข่งด้วย มีรางวัลให้ มี Yellowstuff มาเป็นสปอนเซอร์ (หัวเราะ) แล้วก็อยากชวนเพื่อนๆ ที่เป็นแชมป์ในต่างประเทศมาเป็นกรรมการ มาช่วยกันแชร์ความรู้ครับ

Q: แล้วความสุขของการอยู่กับกาแฟในทุกวันนี้คืออะไร

A: ผมคิดว่ามันคือการที่ลูกค้าบอกว่ากาแฟอร่อยมาก เพราะว่าสุดท้ายสิ่งที่ผมและทีมทำมาทั้งหมดก็เพื่อให้พวกเราได้ชงกาแฟที่อร่อยให้ลูกค้าครับ

….

เรื่อง Ben Mungkornatsawakul

ภาพ Duangsuda Kittivattananon







//