มนุษย์เราใช้อะไรชงกาแฟ? 6 อุปกรณ์ชงกาแฟ (หรือแกฟะ) ตั้งแต่ยุคที่กินกาแฟเพื่อตื่น จนดื่มกาแฟเพื่อความรื่นรมย์


กาแฟมีคาเฟอีนที่ทำให้เราตื่นและมีพลังได้ก็จริง แต่เราต่างรู้กันดีว่าคนทั่วโลกไม่ได้ดื่มกาแฟเพื่อการณ์นั้นอย่างเดียว แต่ยังดื่มกาแฟเพื่อความรื่นรมย์เช่นกัน 

อุปกรณ์สุดปัง เมล็ดกาแฟตัวท็อป จึงติดในแฮชแท็ก #ของมันต้องมี เมื่ออยากจะชงกาแฟที่บ้าน แต่เคยสงสัยมั้ยว่า แล้วก่อนหน้าที่คนจะมีอุปกรณ์มากมายประดับบาร์กาแฟ มนุษย์เราดื่มและชงกาแฟกันแบบไหน? 

Yellow Stuff จะพาไปไขข้อข้องใจ ว่าอุปกรณ์ชงกาแฟอะไรบ้างที่อยู่ในประวัติศาสตร์การดื่มกาแฟของเรา

‘แก้ว ช้อน และกาต้มน้ำร้อน’ ของ 3 อย่างในยุคของการโด๊ปเพื่อตื่น 

ถ้าจะบอกว่าอุปกรณ์การดื่มกาแฟใน First Wave Coffee คือแก้ว ช้อน และกาต้มน้ำร้อนก็ได้ เพราะยุคแรกนี้เป็นยุคแห่ง Instant Coffee หรือกาแฟสำเร็จรูปที่หลักสำคัญนั้นไม่ได้ดื่มเพื่อความรื่นรมย์ แต่ชงเพื่อโด๊ปคาเฟอีนก่อนทำงาน หรือออกรบมากกว่า

ย้อนกลับไป กาแฟสำเร็จรูปเกิดขึ้นครั้งแรกที่อังกฤษ ในศตวรรษที่ 18 แต่โลกใบนี้รู้จักกาแฟสำเร็จรูปจริงๆ ในปี 1890 ก็เมื่อ David Strang ชาวนิวซีแลนด์ได้วางขายกาแฟสำเร็จรูปแบรนด์ ‘Strang's Coffee’  

ในปี 1900 บริษัท Hills Bros. เป็นที่แรกๆ ที่บรรจุกาแฟคั่วในกระป๋องปิดผนึกสุญญากาศ และหลังจากนั้นไม่นาน George Constant Louis Washington ก็พัฒนากาแฟสำเร็จรูปขึ้นมาในชื่อ Red E Coffee 

ทั้งสองแบรนด์นี้ถือเป็นถือเป็นจุดกำเนิดแรกๆ ของการขายกาแฟสำเร็จรูปในเชิงพาณิชย์ ทำให้การคั่วกาแฟดื่มเองในบ้านลดลง เพราะกาแฟสำเร็จรูปนั้นมีน้ำหนักเบา ขนส่งง่าย เก็บได้นาน แถมยังไม่ต้องใช้อุปกรณ์ครัวให้มาก 

จะอยู่บนรถไฟ ในสนามรบ ก็ชงได้ง่ายๆ เพียงมีแก้ว ช้อน และกาต้มน้ำร้อน อุปกรณ์กาแฟในยุคนี้จึงไม่มีอะไรซับซ้อน ง่ายดายตามความต้องการของคนในยุคที่ต้องสู้

 

เครื่องชง Espresso ในยุคเชนกาแฟเฟื่องฟู

จากยุคกาแฟผงชงกับนมง่ายๆ มาสู่ยุคเชนคาเฟ่เฟื่องฟู และสารพัดเมนูกาแฟแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนใน Second Wave Coffee
อุปกรณ์ชงกาแฟในยุคนี้ต้องยกให้เครื่องเอสเพรสโซ่ที่เน้นใช้งานตามคาเฟ่มากกว่าที่บ้าน เจ้าเครื่องชงเอสเพรสโซ่เกิดขึ้นในปี 1822 โดย Louis Bernard Rabaut ก่อนที่หลายคนจะนำไปพัฒนาเพื่อตอบโจทย์การชงแบบประหยัดเวลา เพราะบางเครื่องในยุคนั้นมีจุดขายว่าชงได้ 2,000 แก้วใน 1 ชั่วโมง

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นนั้นอยู่ที่ว่าเจ้าเครื่องเอสเพรสโซ่นั้นได้รับการพัฒนาพร้อมๆ กับวัฒนธรมคาเฟ่ โดยร้านเชนกาแฟอย่าง Starbucks และ Caribou Coffee ฯลฯ 

ไม่เพียงทำให้เกิดวัฒนธรรมการดื่มกาแฟนอกบ้าน แต่ยังเป็นยุคที่คนได้เห็นว่ากาแฟไม่ได้มีรูปแบบเดียว แต่มี ’เครื่องดื่มกาแฟชนิดพิเศษ’ หลากหลายแบบ เช่น แฟรปปูชิโน่ ที่คิดค้นโดย Starbucks  

ในยุคนี้ การดื่มกาแฟยังเปลี่ยนบทบาทจากการเพิ่มพลังในตอนเช้าเป็นการแสดงออกถึงตัวตน การดื่มกาแฟยังเน้นประสบการณ์ในการดื่ม บรรยากาศของร้าน รวมถึงบริการของบาริสต้าจึงสำคัญมาก

และเพราะวัฒนธรรมคาเฟ่ที่เน้นเสิร์ฟลูกค้าหลายคนต่อวันนี่แหละ เครื่องเอสเพรสโซ่จึงพัฒนาขึ้นมากและเป็นดาวเด่นของยุค ไม่่ใช่เอสเพรสโซ่ที่คิดค้นเพื่อทำกาแฟให้ได้หลายแก้วต่อวันอีกต่อไป แต่ต้องเป็นเอสเพรสโซ่ที่สกัดกาแฟได้คุณภาพดีกว่าเดิมด้วย

 

 

อุปกรณ์พื้นฐานแห่งยุค Specialty Coffee

หลังจากเชนกาแฟเกิดขึ้นมากมายใน Second Wave Coffee ผู้คนก็เริ่มหันมาชงกาแฟที่บ้านกันมากขึ้น ซึ่งเป็นยุค Third Wave Coffee หรือ ‘Specialty Coffee’ ที่เริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 2000

ในยุคนี้ ผู้คนไม่ได้กินกาแฟเพื่อโด๊ปคาเฟอีนเหมือนในอดีตเท่านั้น แต่เป็นการดื่มเพื่อความรื่นรมย์ คุณภาพของเมล็ดกาแฟ การนำเสนอเรื่องราวเบื้องหลังเมล็ดกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ หรืออุปกรณ์ที่สวยงาม ทำกาแฟได้ดีขึ้นจึงสำคัญมาก 

 

ดริปเปอร์

เริ่มที่เจ้าดริปเปอร์ ดริปเปอร์เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1908 จากการที่ Melitta Bentz ได้คิดค้นบรรพบุรุษของ ‘Dripper’ ขึ้นมา ต่อมากระแสกาแฟ Pour Over ใน ‘Third Wave Coffee’ ทำให้คอกาแฟพัฒนาดริปเปอร์ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งรูปทรง และฟังก์ชั่น 

บ้างก็เป็นดริปเปอร์ทรงกรวยที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เช่น Origami Dripper ที่มีรางน้ำกว่า 20 ช่องซึ่งอัตราการไหลของน้ำพอดี ช่วยควบคุมเวลาในการดริปของเราให้ดียิ่งขึ้น 

 แต่บางโซนก็หลงใหลดริปเปอร์แบบ Flat เช่น เจ้า Fellow Stagg [X] Pour-Over Dripper ที่ทรงชันเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มการสัมผัสระหว่างน้ำและกาแฟ

ความน่าสนใจคือในยุคนี้ คนยังสรรหาออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านอย่างการแคมป์ปิ้ง ผู้ผลิตอุปกรณ์กาแฟจึงคิดค้นอุปกรณ์ที่พกพาเดินทางได้ แต่ยังใช้งานได้ไม่มีที่ติ เช่นเจ้า MiiR Pourigami™ ที่ดริปกาแฟแบบพกพาดีไซน์รางวัล ออกแบบให้เป็นเพื่อนรู้ใจเวลาไปแคมป์ปิ้ง

 

กาดริป

ที่จริงแล้ว การูปแบบนี้เกิดขึ้นจากความหลงใหลชาของชาวอังกฤษตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 และ 19 แต่กาดริปนี้ก็ได้รับความนิยมในยุคกาแฟในศตวรรษที่ 21 อีกครั้ง

เมื่อคนหันมาให้ความสำคัญกับความคราฟต์ ความรื่นรมย์ของการดื่มมากกว่าการตื่น กาดริปไม่ใช่เพียงอุปกรณ์ แต่เหมือนเป็นผลงานศิลปะที่ช่วยให้การชงและดื่มกาแฟรื่นรมย์กว่าเดิม

ผู้ผลิตในยุคนี้เน้นผลิตกาดริปที่ทั้งสวยและออกแบบมาได้อย่างแม่นยำ สม่ำเสมอ เพื่อดึงศักยภาพของเมล็ดกาแฟคุณภาพและเพิ่มความซับซ้อนให้กับเมล็ดกาแฟนั้นๆ 

นอกจากฟังก์ชั่นพื้นฐาน หลายๆ แบรนด์ยังมี add-on function อย่างกา Fellow Stagg EKG Pro ที่ปรับ altitude ตามความสูงที่เราอยู่ได้ หรือจะเป็นควบคุมอุณหภูมิในระดับครึ่งองศา หรือการมีนาฬิกาจับเวลาในตัว

 

เครื่องบดกาแฟ

ในยุคเชนกาแฟรุ่งเรือง เครื่องบดกาแฟออกแบบมาให้บดเมล็ดกาแฟได้จำนวนมากต่อครั้ง เพื่อให้การชงกาแฟเสิร์ฟลูกค้ารวดเร็วทันใจ 

เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคที่คนรักการชงกาแฟดื่มเองที่บ้าน บ้างก็ไปตามร้านเพื่อดื่มกาแฟ Specialty เครื่องบดกาแฟแบบ single dose ทั้งเครื่องบดมือ และเครื่องบดอัตโนมัติก็ได้รับการพัฒนา  

เช่น Wacaco Exagrind เครื่องบดกาแฟมือที่ใช้บดกาแฟสำหรับทำ Espresso, Pour-over และ Cold-brew ได้ หรือจะเป็นหนึ่งในเครื่องบดกาแฟอัตโนมัติที่คนพูดถึงอย่าง Fellow Ode เพราะเป็นเครื่องบดกาแฟอัตโนมัติแบบ single dose สำหรับเหล่า Home brew ที่โดดเด่นด้านดีไซน์ 

นอกจากนั้น ยังมีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ คุณภาพการบดดีเยี่ยมในราคาเข้าถึงได้ ทั้งยังมีนวัตกรรมที่สะท้อนว่า Fellow เข้าใจคอกาแฟจริงๆ อย่างการลดการเกิดไฟฟ้าสถิตในเครื่องบดที่ช่วยให้กาแฟที่บดแล้วออกมาได้หมดจด

 

ตาชั่ง

มือใหม่หัด brew อาจสงสัยว่าแล้วเจ้าตาชั่งกาแฟกับตาชั่งในครัวทั่วไปนั้นต่างกันยังไง จำเป็นแค่ไหนที่จะต้องซื้อตาชั่งสำหรับชงกาแฟโดยเฉพาะ?

คำตอบก็คือ ตาชั่งกาแฟนั้นมีสเกลที่ละเอียดกว่าตาชั่งทั่วไป ละเอียดถึงขั้นหน่วย 0.1 กรัม นอกจากนั้น ตาชั่งกาแฟยังมีนาฬิกาจับเวลาในตัว ช่วยให้การชงกาแฟ Pour Over แม่นยำขึ้น ซึ่งเจ้าตาชั่งกาแฟนี้เองก็เกิดขึ้นในยุค Specialty นี่แหละ

และนอกจากจะมีฟังก์ชั่นพื้นฐานที่ว่าแล้ว ตาชั่งกาแฟบางเครื่องยังมีนวัตกรรมใหม่ที่คิดค้นเพื่อแก้ไขเพนพอยต์ของคอกาแฟและโดยเฉพาะนักแข่งทั้งหลาย อย่างเจ้า Fellow Tally ที่มี  Brew Assist™ Mode ช่วยคำนวณ (Ratio) ของกาแฟและน้ำอัตโนมัติ แบบที่ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคิดเลขก็เทพได้ หรือเมื่อปริมาณน้ำที่ตั้งไว้ถึงกำหนดเมื่อไหร่ หน้าจอก็จะสว่างทันที ช่วยให้ผู้เข้าแข่งขันควบคุมปริมาณน้ำได้ดี 

หรือจะเป็นเจ้า Wacaco Exagram เครื่องชั่งกาแฟดิจิตอลพร้อมนาฬิกาจับเวลาที่มีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ เหมาะกับการพกพาไปออกแคมป์หรือไปทำกิจกรรมเอาต์ดอร์ได้

สะท้อนว่าในยุคที่มีการแข่งขันการชงกาแฟจริงจัง อุปกรณ์การชงกาแฟก็มักจะพัฒนาฟังก์ชั่นใหม่ๆ ที่ไม่คาดคิดเพื่อตอบโจทย์การเสพกาแฟที่เปลี่ยนไป

 

แม้ในยุคนี้ การทำกาแฟ Pour Over หรือกาแฟฟิลเตอร์/ กาแฟดริป ได้รับความนิยมสูงสุด แต่ก้ไม่ได้หมายความว่ารูปแบบการชงแบบ Espresso หรือการชงกาแฟแบบอื่นๆ เช่น French Press จะจางหายไป กลับกัน อุปกรณ์เหล่านี้ก็มีนวัตกรรมใหม่ๆ มากมายไม่แพ้กัน 

 

 

 



//