เอส ชิษณุพงศ์ นักแสดงและ Home Brewer ผู้ตกหลุมรักกาแฟดริปแบบถอนตัวไม่ขึ้น


‘เอส-ชิษณุพงศ์ สกุลนันทิพัฒน์’ หรือ @Sacezo นักแสดงหนุ่มที่คุมบาร์กาแฟเบื้องหน้าเราตอนนี้ ดื่มกาแฟแก้วแรกๆ ในกองถ่ายที่เจ้าตัวฝึกงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ


กาแฟแก้วนั้นเอสบอกเราว่าเขาไม่ได้ดื่มเพื่อเอาความรื่นรมย์ ทว่ามันคือเครื่องดื่มคาเฟอีนรสหวานมันที่เรียกร่างกายให้ตื่นขึ้นมา 

นั่นคือเรื่องเล่าจาก 6 ปีที่แล้ว ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน สำหรับเอส กาแฟเป็นกิจวัตรยามเช้าที่ปลุกให้เขามีชีวิตชีวา มีแรงไปทำงานที่ตัวเองรัก มากกว่านั้นกาแฟยังพาเอสไปค้นพบความสุขจากการได้แบ่งปัน และได้รู้จักผู้คนใหม่ๆ ที่หลงใหลกาแฟเหมือนๆ กันด้วย

 

ตอนนี้ ไอร้อนและกลิ่นหอมฉุยของกาแฟดริปในแก้วถูกวางลง เอสทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม บทสนทนาที่ไม่มีสคริปต์เหมือนในซีรีส์ ไม่มีดราม่าเหมือนในเอ็มวี ระหว่างเราและเอสกำลังเริ่มขึ้นแล้ว

 

จากกาแฟในกองถ่าย เอสเข้าสู่วงการชงกาแฟดื่มเองได้ยังไง

เกือบๆ 2 ปีที่แล้ว มีช่วงหนึ่งที่เราติดกาแฟสกัดเย็นของแบรนด์กาแฟแบรนด์หนึ่ง พอดื่มบ่อยๆ ก็เริ่มตั้งคำถามว่ากาแฟสกัดเย็นทำยากไหม ก็เลยไปเสิร์ชดู มีแค่เฟรนช์เพรสก็ทำได้แล้ว จุดเริ่มต้นคือกาแฟสกัดเย็น ตอนนั้นก็บอกตัวเองว่าแค่นี้แหละ ดริป เอสเพรสโซแมชชีน ไม่ทำ ซึ่งจริงๆ คือจำไม่ได้ว่าดริปมาจากไหน เหมือนทำสกัดเย็นกินเองได้พักใหญ่ๆ อยู่ๆ ก็มีเซ็ตอุปกรณ์ดริปโผล่มา ก็ลองดริปตามยูทูปเลย แล้วจากที่ทำกินคนเดียวในบ้าน ตอนนี้ก็กินกันครบทุกคน แถมชงเองได้ด้วย



เอสคิดว่าเสน่ห์ของการดริปกาแฟคืออะไร

เสน่ห์มันคือการที่เราได้ใช้เวลากับตัวเอง เราเป็นคนที่ค่อนข้างมีโลกส่วนตัว แล้วเวลาดริปมันเหมือนเราได้หลุดไปอยู่พื้นที่ตรงนั้น ซึ่งมันมีความสุข แล้วการดริป ถ้าเราปรับสัดส่วน วิธีการเทน้ำ หรือเบอร์บด แค่นิดเดียวเราก็ได้เห็นอีกคาแรกเตอร์หนึ่งของกาแฟเลย เราว้าวกับตรงนี้ อีกสิ่งที่ชอบคือ เราได้เจอคนชอบกาแฟหลายๆ คน เรารู้สึกว่าคอมมูนิตี้นี้น่ารักดี เป็นคอมมูนิตี้ที่เข้าไปคุยแล้วเราอยู่ได้ทั้งวัน

เอสนิยามตัวเองว่าหลงใหลกาแฟแบบขั้นสุด อยากรู้จังเลยว่าขั้นสุดของเอสเป็นแบบไหน

ขั้นที่ว่าตอนนี้อุปกรณ์ดริปเนี่ย ถ้าไม่ใช่ความอยากโดยส่วนตัว ไม่น่าจะซื้ออะไรเพิ่มแล้ว อย่างกาก็เปลี่ยนเป็นตัว Fellow Stagg EKG PRO ที่หลายๆ คนให้มันเป็นตัวจบแล้ว ส่วนดริปเปอร์น่าจะมีเกือบ 10 ดริปเปอร์ครับ คือเมื่อก่อนเราก็มีคำถามว่า คนเรามีดริปเปอร์หลายอันทำไมนะ (หัวเราะ) 

ซึ่งวันนี้ได้คำตอบหรือยัง

ได้แล้วๆ นอกจากสะสมแล้ว ดริปเปอร์แต่ละอันให้คาแรกเตอร์กาแฟต่างกันด้วยนะ ส่วนนอกนั้นก็เป็นเรื่องของเมล็ดกาแฟที่เราอยาก explore ละ แล้วก็อยากเรียนเพิ่ม อยากมีความรู้เพิ่ม อยากรู้ว่าเราควรจะสกัดเมล็ดตัวนี้ยังไงถึงจะเหมาะ เพราะแต่ละเมล็ดมันจะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการดริปอยู่ เราอยากให้ตัวเองเก่งขึ้น ทำกาแฟทุกแก้วออกมาอร่อย

 

แล้วกาแฟที่อร่อยสำหรับเอสเป็นกาแฟแบบไหน

ตรงตัวเลย เป็นกาแฟที่เราดื่มแล้วอร่อย แค่นี้เลย เรารู้สึกว่ามันเทสใครเทสมันเหมือนกันนะ กาแฟที่อร่อยของเราอาจจะไม่อร่อยสำหรับคนอื่น อร่อยของคนอื่นอาจจะไม่ใช่อร่อยของเรา ฉะนั้น ถ้าทำแล้วเราอร่อยก็โอเคแล้ว มันคือผลงานของเรา ซึ่งนี่ก็น่าจะเป็นความสุขโดยทั่วไปของคนทำกาแฟ ทำเอง ชิมเอง แล้ววันไหนทำอร่อย วันนั้นคือวันที่ดีไปเลย

 

ถ้าเป็นวันที่ทำไม่อร่อยล่ะ

ก็แอบเฟลนะ (หัวเราะ) แล้วถ้าวันนั้นเลือกที่จะฝืนทำซ้ำๆ บางทีก็เป็นมู้ดที่แย่ไปเหมือนกัน อันนี้คือไม่อร่อยสำหรับตัวเราเองนะ ให้คนอื่นชิมมันอาจจะไม่ได้แย่ แต่เหมือนเราเคยทำแล้วมันอร่อย ได้แบบที่ชอบ แล้วเราอยากได้แบบนั้นอีกแค่นั้นเอง 

 

แต่เรามีความเชื่อว่าไอ้แก้วอร่อยนั้นต้องมาอีกแหละ ช่วงนี้ก็เลยเป็นช่วงที่ไม่ได้ยึดตายตัวแค่สูตรดริปที่เราได้มาละ ตอนนี้ก็มีลองสลับบ้าง เปลี่ยนบ้าง เพราะเราก็พอรู้ว่าถ้าเราเปลี่ยนบางอย่างมันส่งผลต่อรสชาติกาแฟ ดริปแล้วค่อนข้างอันเดอร์ สกัดไม่หมดก็อาจจะต้องเพิ่มอุณหภูมิน้ำไหม หรือปรับเบอร์บดไหม เราก็ลองทำ พอทำไปเรื่อยๆ มันดีขึ้น ก็ค่อยๆ เก็บประสบการณ์ไป

 

ตอนเป็น Guest Barista ให้ Yellow Stuff ในงานกาแฟครั้งที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่ได้ลองทำกาแฟให้คนอื่นๆ ชิม 

จริงๆ ก่อนหน้านี้เวลาเราทำงาน หรือเวลาไปออกกอง เราจะพกอุปกรณ์ พกกาแฟไปทำกินในกองด้วย  ใครอยากกิน ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหรือทีมงาน ขอให้บอก ถ้าเราว่างเราทำให้เลย

 

เรารู้สึกว่าเราทำกินเองเรามีความสุข เราก็อยากให้คนอื่นรู้สึกกับแก้วที่เราชงให้ด้วย เราไม่รู้หรอกว่าอันนี้อร่อยหรือไม่อร่อยสำหรับเขา เราก็ดริปของเราไปเรื่อย เวลาว่าง ถามพี่ผู้กำกับ ทีมงานว่าพี่เอากาแฟไหม ร้อนหรือเย็น เรารู้สึกว่ากาแฟเป็นสิ่งที่เรารัก เรามีความสุขที่ได้ดริปกาแฟทั้งให้ตัวเองและคนอื่นๆ

แปลว่าเดี๋ยวนี้กองถ่ายไหนที่มีเอสก็จะได้ชิมกาแฟดริปด้วย

ใช่ๆ เป็นจุดขายของเราอยู่ ไม่เอานักแสดง เอาไปทำกาแฟก็ได้ครับ (หัวเราะ) จริงๆ ในกองถ่ายมีกาแฟอยู่แล้ว เมล็ดคั่วเข้มและชงเป็นกาแฟสดจากเครื่องอัตโนมัติ ก็กินได้แบบไม่ต้องคิดมาก แต่ขณะเดียวกันก็มีอีกกลุ่มที่เขารู้จักกาแฟสเปเชียลตี้ พอเรามีกาแฟดริปไปมันก็เวิร์ก ผมรู้สึกว่ากาแฟมันเป็นสิ่งที่เติมพลังและอะไรบางอย่างให้กองถ่าย

 

พอเป็นกองถ่ายที่มีนักแสดงชอบดริปกาแฟ มันทำให้บรรยากาศการทำงานเปลี่ยนไปด้วยไหม

เปลี่ยนนะ อย่างแรกคือเรามีเรื่องเข้ากับคนอื่นมากขึ้น เพราะจริงๆ นักแสดงต้องละลายพฤติกรรมให้กันค่อนข้างเยอะ เวลาต้องเล่นด้วยกัน ต้องใช้ชีวิตด้วยกัน ซึ่งนักแสดงเกือบทั้งหมดกินกาแฟอยู่แล้ว บางคนเขาไม่กิน ถ้าเขาเห็นเราดริปกาแฟ เขาก็สนใจ “เอสทำอะไรอะ” มันเป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยสานสัมพันธ์ด้วย สนองนี้ดเราด้วย

แล้วเวลาเสิร์ฟให้พี่ๆ ทีมงาน ทำให้เราเห็นรีแอ็คของบางคนที่เขาไม่คิดว่าเราจะทำกาแฟให้ด้วย การที่เราเป็นนักแสดง แล้วเขาเป็นทีมงาน บางทีเขาอาจจะรู้สึกว่าเข้าถึงเราไม่ได้ กาแฟมันก็ช่วยเรื่องความสัมพันธ์ของเราและทีมงานด้วย เพราะเราต้องทำงานด้วยกัน ถ้าเราสนิทกัน มากกว่าจะเป็นแค่นักแสดงกับทีมงานมันก็ดีต่อการทำงานมากๆ เหมือนกัน

 

ระหว่างการแสดงกับการดริปกาแฟ เอสรู้สึกว่ามันมีดีเทลไหนที่คล้ายกันบ้าง

นักแสดงก็คือคนคนหนึ่งที่ไปสวมบทเป็นตัวละคร เราต้องทำความเข้าใจตัวละครนั้น เพื่อให้เราแสดงออกมาได้ดี ถ้าให้เปรียบกับการดริปกาแฟ เราก็ต้องเข้าใจเมล็ดกาแฟ เพราะเมล็ดแต่ละตัวมีคาแรกเตอร์ของตัวอง เหมือนตัวละครเลย ซึ่งถ้าเราเข้าใจเมล็ด เราก็จะสกัดเมล็ดนั้นออกมาได้อร่อย สองสิ่งนี้คล้ายกันตรงที่ ถ้าเราทำความเข้าใจ ค่อยๆ ศึกษามากขึ้น เราก็จะสามารถทำมันออกมาได้ดีขึ้น

 

เอสชอบเมล็ดกาแฟคาแรกเตอร์ไหน

เราเป็นสายกาแฟรสหวานฉ่ำ ตามด้วยรสเปรี้ยวหน่อยๆ แล้วก็ชอบเมล็ดกาแฟไทย เพราะราคาโอเค แล้วเราโชคดี ช่วงที่เราเข้ามาวงการกาแฟไทยได้พัฒนามาถึงจุดหนึ่งแล้ว ส่วนตัวชอบเมล็ดกาแฟจากน่านเป็นพิเศษ ค่อนข้างคลั่งไคล้น่านมาก อยากไปที่นั่นสักครั้ง

แล้วเราก็ค่อนข้างชอบซื้อกับเกษตรกร แบบทักไปที่เพจเขาเลย อย่างของขุนช่างเคี่ยนก็ซื้อจากกลุ่มสหกรณ์ เรารู้สึกว่ามันดีจังเลยที่เราได้ซื้อจากเกษตรกรโดยตรง แล้วในเพจเขา เราก็ได้เห็นโพรเซสด้วยว่าเขาแปรรูปกาแฟยังไง วิธีการมันดูมีสตอรี่ เรารู้สึกว่าเราแพ้อะไรแบบนี้ ยิ่งเวลาเขามาออกบูธ เราสนุกกับการไปนั่งคุยกับเขามาก 

 

เอสเห็นวงการกาแฟไทยมาประมาณหนึ่ง มีสิ่งที่ไหนเอสรู้สึกว่าเราอยากช่วยให้มันดีขึ้นกว่าที่เป็น

ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 Home Brewer เกิดเยอะขึ้น หลายๆ คนก็พูดว่าคนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อค่อนข้างเยอะ ดังนั้น ถ้าจะช่วย (นิ่งคิด) คือจริงๆ ตอนนี้เราเองก็ตัวเล็กมาก อาจจะไม่ได้ขับเคลื่อนสิ่งที่ใหญ่ได้ขนาดนั้น แล้วเราก็ไม่ได้อยากให้คนมองว่า ก็แค่นักแสดงที่ทำกาแฟเพราะคอนเทนต์ จริงๆ ก่อนหน้านี้เราไม่ได้ทำอะไรที่เกี่ยวกับแพสชั่นตัวเองเลยนอกจากอยู่ในกองถ่าย เราเลยอยากพาตัวเองเข้าไปในวงการกาแฟมากขึ้น อยากให้ภาพของเรากลายเป็นคนที่ทำกาแฟจริงๆ ด้วยความที่เรารักกาแฟ ถ้ามีโอกาสช่วยอะไรได้เราก็อยากช่วย จะให้รีวิวหรือขายของก็ได้

 

นอกจากดริปให้เก่งขึ้นแล้ว เอสมีเป้าหมายอื่นๆ อีกมั้ย

เราอยากทำคาเฟ่สโลว์บาร์นะ แต่บางทีก็คิดว่ากาแฟเป็นเซฟโซนของเรา ถ้าไปทำธุรกิจ เราอาจจะเสียเซฟโซนนี้่และกลายเป็นไม่มีความสุขหรือเปล่า แต่ยังไงก็ยังอยากทำ เพราะความสุขของเราคือการได้ทำกาแฟ เลยอยากรออะไรหลายๆ อย่างก่อน รอเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นและได้รู้เกี่ยวกับกาแฟมากกว่านี้ 

 

การดริปเรายังมีอีกหลายเรื่องที่เราอยากลงลึกอีก ตอนนี้ก็เพิ่งเปิดโลกเรื่องน้ำไป น้ำมีผลต่อการสกัดกาแฟเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นชนิดของน้ำ ยี่ห้อ มีผลหมด แสดงว่าตอนนี้เราเพิ่งเจอยอดภูเขาน้ำแข็ง ข้างใต้นั้นยังมีอะไรอีกเยอะมากที่รอให้เราลงไปตรงนั้น ยิ่งลงลึกก็ยิ่งเจอสิ่งที่ว้าว เสน่ห์ของโลกกาแฟที่สุดแล้วคงเป็นอะไรแบบนี้



//